เด็กๆ ในยุคนี้ก็ติดเกมคอมพิวเตอร์ สนใจอยู่กับจอตรงหน้า โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะนั่งอย่างไร นานแค่ไหน แล้วจะเกิดปัญหาอะไรตามมา จึงทำให้เด็กๆ ปัจจุบันนี้มีอาการปวดหลังจากการทำกิจกรรมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ซึ่งวัยเด็กเป็นวัยที่ไม่ควรจะเป็นโรคนี้มากที่สุด และอาจจะเป็นสาเหตุของอาการปวดหลังระยะยาว และยากแก่การรักษาหากปฏิบัติเช่นนั้นอยู่เป็นนิจสิน
โครงสร้างของกระดูกสันหลังมีหน้าที่หลักอยู่ 2 ส่วนด้วยกันคือ ใช้ในการทรงตัว รักษาสมดุลของร่างกาย และช่วยให้ยืดหยุ่นของร่างกายใน การเคลื่อนไหวลักษณะต่างๆ
สาเหตุของอาการปวดหลังแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบคือ
1. ระยะเฉียบพลัน อันมีสาเหตุมาจากโรคสร้างของกระดูกสันหลัง ซึ่งอาการปวดหลังจากสาเหตุนี้มีมากถึง 90% โดยปัจจัย เสี่ยงที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในทันทีทันใด มักเกิดจากรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันที่ผิด เช่น ก้มยกของหนักๆ การสวมใส่รองเท้าส้นสูง ประสบอุบัติเหตุ
2. ระยะเรื้อรัง อาการปวดหลังแบบนี้มักเกิดจากโรคต่างๆ ที่ส่งผลต่อกระดูกสันหลังและก่อให้เกิดอาการปวดตามมา โดยการปวดลักษณะนี้มีเพียงแค่ 10% เท่านั้น สำหรับปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความเจ็บปวดชนิดยาวนานนี้มักเกิดจากท่าทาง การทำงานและใช้ชีวิตอย่างไม่เหมาะสม การอยู่ในท่าเดียวนานๆ การเคลื่อนไหวด้วยอิริยาบถที่ไม่ ถูกต้อง
จัดการกับปัจจัยเสี่ยง
• หลีกเลี่ยงการเคลื่อนของจากที่สูง หรือยกของที่ตั้งอยู่บนพื้นขึ้น ควรหาเครื่องช่วยอำนวยความสะดวก และหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรยกของขึ้นและลงอย่างถูกสุขลักษณะ หรือร้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลใกล้ชิดเพื่อแบ่งเบาภาระ
• ลดขนาดน้ำหนักของตนเองให้น้อยลง ในกรณีที่คุณเป็นคนอ้วน มีน้ำหนักเกิน เมื่ออายุมากขึ้น อาการเสื่อมก็ตามมาอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้อต่างๆ ที่เคยรับน้ำหนักของเราไว้ อาจจะรับไม่ไว้แต่ก่อให้เกิดอาการปวดอย่างหนักตามมา ฉะนั้นก่อนที่ข้อต่างๆ จะปวด ก็ควรป้องกัน รักษาข้อต่างๆ เอาไว้ก่อน เพราะเมื่อมันเสื่อมและปวด แล้วการรักษาก็ไม่อาจจะทำให้หายขาดได้
• หมุนตัวเวลาก้มลงอย่างถูกต้อง เลิกนั่ง ยืน เดินหลังงอ หรือทำตัวงอๆ นั้นคือใช้ชีวิตประจำวันอย่างถูกสุขลักษณะ
• ใช้เครื่องทุ่นแรงต่างๆ ที่จะลดภาระการ ทำงานของกระดูกสันหลัง
เมื่อใดที่ต้องปรึกษาแพทย์
• ปวดหลังเกิน 6 สัปดาห์
• อาการอ่อนแรง หรือชา บริเวณขา
• มีไข้สูง น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ตัวซีดเซียว
• มีปัญหาขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
• ปวดมากเมื่อนอนราบ ปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดมากตอนกลางคืน
• มีประวัติโรคกระดูกพรุน โรคมะเร็ง เบาหวาน ร่วมด้วย
วิธีการรักษาอาการปวดหลัง
• ปวดเฉียบพลัน
• ยาแก้ปวดแก้อักเสบกล้ามเนื้อและข้อ ยาแก้ปวดทั่วไป หรือยาคลายกล้ามเนื้อ ควรชั่งใจระหว่างประโยชน์และผลข้างเคียงที่จะได้รับ
• ผู้ป่วยจะต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโรคและอาการที่เป็น
• การพักผ่อน พร้อมใช้ความเย็นในการระงับปวด
• ปวดเรื้อรัง
• ออกกำลังกายบริเวณหลัง ควบคู่กับการรักษาแบบผสมผสาน
• ยาแก้ปวดทั่วไป ยาแก้ปวดแก้อักเสบ กล้ามเนื้อและข้อ ยาฉีดเข้าเอ็นยึด การปรับกระดูกสันหลัง
• ไม่ควรนอนอย่างเดียว หรือไปดึงข้อ
ปวดหลังแล้วก็อาจมีผลให้เกิด "อาการปวดเอว" ซึ่งเป็นอาการปวดบริเวณหลังส่วนล่าง ซึ่งอาการปวดที่เกิดคืออาจเป็นแบบฉับพลันและ รุนแรง หรือเป็นเรื้อรังนานเกิน 3 เดือน อาการปวดเอวมักเกิดกับคนวัยหนุ่มสาว โดยเฉพาะวัยทำงานมากกว่าคนสูงอายุ โดยสาเหตุที่แน่ชัดของอาการนั้นยังไม่สามารถบอกได้ แต่พบว่าประมาณ 25% มักเกิดจากกรณีกระดูกสันหลังเคลื่อน หรือคดงอ กระดูกพรุน ส่วนน้อยที่เกิดจากมะเร็งหรือการติดเชื้อ
อาการของการปวดเอว
• มีอาการปวดบริเวณหลังส่วนล่าง บางครั้งจะปวดร้าวไปถึงบั้นท้าย น่องด้านหลัง หรือขาหนีบ อาการปวดจะมาขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว
• เคลื่อนไหวกระดูกสันหลังได้จำกัด โดยเฉพาะหากต้องการโค้งตัวไปด้านหน้า หรือเอนไปด้านหลัง
• บริเวณหลังจะเกร็งเนื่องจากกล้ามเนื้อรอบๆ กระดูกสันหลังกระตุก
• หากมีอาการปวดหลังมากๆ ร่วมกับอาการกระตุก อาจทำให้หลังเอนไปด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ท่าทางผิดปกติไป
• อาการปวดที่เกิดขึ้นมักทำให้รู้สึก แสบๆ ซ่าๆ หรือชาบริเวณหลัง บั้นท้ายหรือขาร่วมด้วยดูแลและลดอาการปวดอย่างง่ายๆ
ปวดเฉียบพลัน
• รับประทานยาแก้ปวด เช่น ยากลุ่มต้านการอักเสบของเนื้อเยื่อ ร่วมกับยาคลายกล้ามเนื้อ
• เคลื่อนไหวแต่พอดี
• ความร้อน เช่น ว่ายน้ำในสระน้ำอุ่น
• พักผ่อนหรือนอนบนที่นอนที่พื้นผิวเรียบ แข็งแรง
• หลีกเลี่ยงการก้ม โค้ง ยก หรือนั่งเก้าอี้เตี้ยๆ
• ระลึกไว้ว่าอาการปวดหลังมักไม่ได้เกิดจากการป่วยที่รุนแรง ซึ่งตามปกติ อาจหายไปเองได้ภายใน 2-3 วัน
ปวดเรื้อรัง
• หากมีอาการปวดมานานแล้ว ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรักษาสาเหตุ หรือรักษากระดูกสันหลัง ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดลงได้
• ออกกำลังกาย รวมทั้งปรับเปลี่ยนท่าทาง อิริยาบถ หรือโปรแกรมการรักษาความปวดแบบผสมผสาน
• ยังไม่มีหลักฐานยืนยันประโยชน์ของการ ใช้ช่้ยาแก้ซึมเศร้า การดึงข้อ
พญ.ทัศนีย์ กิตอำนวยพงษ์ อายุรแพทย์โรคข้อ แสดงความเห็นว่า "อาการปวดหลัง มีสาเหตุได้หลายอย่างแตกต่างกันในกลุ่มผู้ป่วย ในวัย ทำงานสาเหตุส่วนใหญ่ เกิดจากการไม่สมดุลของท่าทางอิริยาบถต่างๆ ทั้งในสถานที่ทำงานและ การใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น รวมทั้งหมอนรองกระดูกเคลื่อนจากตำแหน่งปกติ ในขณะที่ผู้สูงอายุจะมีสาเหตุของอาการปวดหลังจากภาวะข้อสันหลัง เสื่อม โรคกระดูกพรุน ร่วมกับร่องรอยของกระดูกยุบ ซึ่งนำไปสู่อาการปวดหลังเรื้อรังตามมา ส่วนการดูแลรักษาจึงแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือการรักษาเพื่อลดอาการปวดหลัง เช่น การแก้ไขอิริยาบถให้ถูกต้อง การบริหารกล้ามเนื้อให้ แข็งแรงและยืดหยุ่น ตลอดจนการทำกายภาพ บำบัด ซึ่งปัจจุบันมีหลายวิธี อาทิ การรักษาด้วยวารีบำบัด การใช้ความร้อน และ "การออกกำลังกายแบบพิลาทีส"
ขณะที่ พญ.อุไรรัตน์ ศิริวัฒน์เวชกุล แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ได้แนะนำการฝึกออกกำลังกายแบบพิลาธีส ซึ่งเป็นอีกทางเหลือกหนึ่งที่จะช่วยลดอาการปวดหลัง "พิลาธีส เป็นการทำงานที่ประสานกันระหว่างจิตใจ ร่างกาย และวิญญาณ ผ่านการใช้กล้ามเนื้อและลมหายใจที่ ถูกต้องเพื่อควบคุมร่างกายทุกส่วน โดยจะเน้น ไปที่การปรับปรุง การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ความแข็งแกร่ง การยืดหยุ่น การประสานงานของกล้ามเนื้อ และสภาพร่างกาย การออกกำลังกายแบบพิลาธีส จึงช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงในการเคลื่อนไหว สร้างความยืดหยุ่นและการยืดตัวของกระดูกสันหลัง ปรับปรุงการทำงานที่ประสานกันของอวัยวะทุกส่วน ช่วยลดความเครียด บรรเทาอาการเจ็บปวด ตึงเครียด และกระตุ้น ให้เกิดพลังงาน"
เมื่อทราบสาเหตุของอาการปวดหลัง โรคที่ บั่นทอนความสุขของการใช้ชีวิตประจำวัน และ จุดเริ่มต้นของโรคบางโรคที่ไม่ควรจะเกิดกับคุณเลยในชีวิตนี้ ฉะนั้นเพื่อใช้ชีวิตในแต่ละวันของ คุณต่อไปอย่างมีความสุข ก็อย่าลืมปฏิบัติตัวให้ ถูกต้อง ไม่ลืมที่จะบอกให้ตัวเองนั่งหลังตรง เดินตัวตรง นอนอย่างถูกวิธี เท่านี้อาการปวดหลัง ปวดเอวก็ไม่ถามหาแล้ว
ที่มา : http://www.jobjob.co.th
