3 วิธีการประหยัดภาษีแบบผิด ๆ ที่คุณไม่ควรทำ

3 วิธีการประหยัดภาษีแบบผิด ๆ ที่คุณไม่ควรทำ


เมื่อได้ยินคำว่า “ภาษี” ทีไร ผมเชื่อเหลือเกินครับว่า เราทุกคนอยากจะสรรหาวิธีมาประหยัดรายจ่ายตัวนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันเป็นรายจ่ายที่จ่ายไปแล้ว ไม่ค่อยจะสบายใจ ว่าเอ๊ะ...เงินเรามันหายไปไหนกันนะ


แต่ถึงจะพยายามประหยัดภาษีให้ได้มากแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือ วิธีการที่เราเลือกใช้ หากเราเลือกวิธีการประหยัดภาษีต่าง ๆ ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจทำให้เกิดอันตรายต่อฐานะการเงินของเราได้นะครับ ถ้าเจอพี่สรรพากรตรวจสอบว่า วิธีการที่เราใช้นั้นมันผิดกฎหมายจนทำให้ชำระภาษีขาดไป เราอาจจะต้องเจอชุดใหญ่เป็นแน่

บทความในวันนี้ เลยตั้งใจจะมาพูดถึงวิธีการประหยัดภาษีแบบผิด ๆ ที่ไม่ควรทำว่ามีวิธีไหน อะไรบ้าง โดยแยกออกเป็น 4 วิธีดังนี้ครับผม

 

1. ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย


วิธีนี้เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ เพียงแค่ไม่ต้องจ่ายก็จบแบบง่าย ๆ แล้วครับ แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ ถ้าหากเราโดนจับได้ขึ้นมา แปลว่าเรากำลังทำผิดกฎหมายอยู่นะครับ ซึ่งมีผลทำให้เราอาจจะต้องเสียภาษีพร้อมเบี้ยปรับ (ค่าปรับ) และเงินเพิ่ม (ดอกเบี้ย) สูงถึง 4 เท่าของภาษีที่เราต้องจ่ายกันเลยทีเดียวครับ

 
บางคนอาจจะบอกว่า ไม่อยากจ่ายภาษี เพราะกลัวว่าภาษีที่จ่ายไปจะไม่ถูกใช้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าตัวเราเองยังทำผิดกฎหมายไปด้วย แบบนี้ก็คงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ ใช่ไหมครับ?

 

2. กระจายรายได้แบบผิด ๆ


นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ไม่ถูกต้องเช่นเดียวกันครับ แต่ขอบอกเลยครับว่าวิธีนี้เป็นที่ฮอตฮิตมาก ๆ สำหรับการประหยัดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเลยทีเดียว วิธีการก็ไม่มีอะไรยาก แค่ไปหาชื่อคนอื่นมารับรายได้แทนเราเพื่อทำให้เราเสียภาษีน้อยลง เพราะอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นแบบก้าวหน้า (ยิ่งมีรายได้มากยิ่งเสียในอัตราที่สูงขึ้น) ดังนั้นเมื่อแบ่งกระจายกันไปให้ทั่ว ๆ กัน ก็ย่อมเสียภาษีน้อยลงเป็นธรรมดา แต่ปัญหายังไม่จบครับ เพราะเราอาจเจอเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ 
 
ต้องเสียเพิ่ม : คนที่เราแบ่งรายได้ให้ไปนั้นอาจจะมีรายได้อยู่แล้ว อาจจะเป็นว่าต้องเสียภาษีแพงกว่าเดิมก็ได้ แบบนี้ก็คงเป็นปัญหาชีวิตที่วุ่นวายทางหนึ่ง หรือ
 

โดนจับได้ : ถูกสรรพากรตรวจสอบได้ว่าเป็นการกระจายรายได้เพื่อเลี่ยงภาษี ซึ่งผิดกฎหมาย เพราะผู้ที่มีรายได้จริง ๆ คือเรา แบบนี้ก็อาจจะทำให้เราต้องเสียภาษีเพิ่มในส่วนที่ขาดไปพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มเช่นเดียวกันครับ

  ดังนั้น ถ้าอยากจะกระจายรายได้ สิ่งหนึ่งที่ต้องวางแผนให้ชัดเจนและถูกต้อง คือ ตัวผู้มีรายได้เองต้องเป็นคนที่ดำเนินกิจการ รับงานจ้าง หรือทำธุรกิจนั้น ๆ จริง ๆ เพื่อให้มีรายได้ และนั่นคือสิ่งถูกต้องที่เราควรทำครับ

 

3. สร้างหลักฐานเท็จ


หลบเลี่ยงรายได้ สร้างค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพื่อให้เสียภาษีน้อยลง โดยวิธีการสร้างหลักฐานเท็จเพื่อประหยัดภาษีนั้นถือว่าผิดกฎหมายเช่นเดียวกันครับ เพราะการหลบเลี่ยงรายได้ หรือสร้างเอกสารค่าใช้จ่ายปลอมนั้น มีความสุ่มเสี่ยงที่จะโดนตรวจสอบภาษี และถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าผิดจริง แบบนี้รับรองครับว่า พี่สรรพากรตามติดไม่มีปล่อยไปอีกนานแน่ ๆ ดังนั้นทางที่ดีอย่างคิดลองดีกว่าครับ


สุดท้ายแล้ว...การวางแผนและใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อประหยัดภาษีนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลยนะครับ ถ้าหากเราได้พิจารณาถึงหลักความเป็นจริงของกฎหมาย ประกอบกับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ถ้าเราเลือกใช้วิธีแบบผิด ๆ เพื่อประหยัดภาษีในวันนี้ สิ่งที่เราทำอาจจะกลับมาเล่นงานเราให้เสียภาษีมากขึ้นในอนาคตก็ได้ เมื่อถึงวันนั้นขึ้นมาจริง ๆ เราคงต้องมาเสียใจที่ไม่ทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก และมันคงกลับไปแก้อะไรไม่ทันแล้ว จริงไหมครับ

สามารถอ่านทความเกี่ยวกับภาษี และ บทความน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ ที่นี้


ที่มา : www.krungsri.com

 1095
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

นายปรี๊ดค้นเจอบทความชิ้นหนึ่งของผู้เขียน ชื่อ นาเดีย กูดแมน จากเว็บไซต์ ideas.ted.com ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ ดร.เคลลี่ แมคกอนิกัล (Kelly McGonigal) อาจารย์สาขาจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยสแตนด์ฟอร์ด ผู้เขียนหนังสือ “The Willpower Instinct” ซึ่งถูกแปลมากว่า 10 ภาษาและประสบความสำเร็จมากในประเทศญี่ปุ่น เป็นหนังสือสไตล์ฮาวทู (how to) เผื่อใช้จัดการวินัยในตนเอง บนฐานคิดและหลักฐานการทดลองทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างความสำเร็จแก่ตนเอง
1395 ผู้เข้าชม
กระบวนการสมัครงานของคุณได้ผ่านพ้นไปแล้วตั้งแต่ขั้นตอนการส่งประวัติส่วนตัวไปยังนายจ้างการสัมภาษณ์งานในแต่ละรอบ จนตอนนี้คุณคือผู้ถูกเลือกจากนี้ไปคุณต้องทำอะไรบ้าง ตรวจสุขภาพ บางบริษัทอาจส่งคุณไปตรวจร่างกาย ว่าคุณมีสุขภาพดีสามารถทำงานให้เขาได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง ส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหา ได้ทำงานแน่นอน หาผู้ค้ำประกัน หากเป็นงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับเงิน ๆ ทอง ๆ อาจต้องมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งบางแห่งไม่อนุญาตให้ญาติเป็นผู้ค้ำประกัน ผู้สมัครงานจึงต้องหาผู้ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับนับถือมาเป็นผู้ค้ำประกันให้ ทำสัญญาว่าจ้าง โดยทั่ว ๆ ไปเป็นสัญญามาตรฐานว่ามีการตกลงว่าจ้างงานกัน รวมถึงเรื่องอัตราค่าจ้าง ผลตอบแทนต่าง ๆ และข้อบังคับของบริษัท ทดลองงาน แม้คุณจะได้เข้าทำงานแล้ว แต่คุณยังไม่ได้เป็นพนักงานเต็มตัว ต้องผ่านการทดลองงานเสียก่อน โดยปกติแล้วใช้เวลา 3-6 เดือน จึงจะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ
3648 ผู้เข้าชม
จากกระทรวงแรงงานะระบุว่า ปัจจุบันไทยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 12 ล้านคน พร้อมกันนี้กระทรวงแรงงานโดยคณะกรรมการค่าจ้างได้ประชุมเพื่อพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมสำหรับ การจ้างงานผู้สูงอายุ ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว
11735 ผู้เข้าชม
ผู้ประกันตนที่เกษียณจากการทำงาน ควรจะวางแผนและดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ “สิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ” คุ้มค่ามากที่สุด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจและปฏิบัติให้ถูกต้อง
3020 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์