โดยที่การเรียนรู้ เป็นกระบวนการภายในตัวของคนแต่ละคน เวลากล่าวถึงการเรียนรู้จึงมีความเป็นนามธรรมสูง เพราะเรามองไม่เห็น จับต้องการเรียนรู้ของคนได้ยาก แต่กระนั้นก็ยังมีร่องรอยของการเรียนรู้ของคนให้เราได้ติดตาม ได้เรียนรู้ว่าคนแต่ละคนมีวิธีการที่จะเรียนรู้ได้อย่างไร หากกล่าวคร่าวๆ มนุษย์แต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น เรียนรู้โดยการเลียนแบบ เรียนรู้จากการลองผิดลองถูก เรียนรู้จากการคิดแบบต่างๆ เรียนรู้ในสิ่งที่คนอื่นได้เรียนรู้ไว้แล้วจึงไปเรียนรู้ตาม หรือแม้แต่เรียนรู้จากการสังเกต การดู การฟัง การอ่าน หรือบางครั้งอาจเกิดจากการสร้างการเรียนรู้ด้วยตัวเอง อ่านต่อ:Leadership Model ต้องสร้างการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
การเรียนรู้อาจแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ การเรียนรู้อย่างเป็นระบบ มีครูสอน มีหลักสูตร มีแนวทาง มีวิธีการกำหนดชัดเจน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการเรียนรู้จาก การศึกษาในระบบ ในขณะเดียวกันระบบของการศึกษาอีกลักษณะหนึ่งก็จัดให้ยืดหยุ่น ปรับกฎเกณฑ์ กติกาให้ลดหย่อนลงตามสภาพของผู้เรียน เราก็เรียกว่าเป็นการเรียนรู้จากการศึกษานอกระบบ และส่วนสุดท้าย แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องตลอดชีวิตก็คือ การเรียนรู้ที่มีความหลากหลายมาก อาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวจะตั้งใจหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเรียกว่าเป็นการเรียนรู้จาก Informal-education ที่เรามาแปลว่าเป็น การศึกษาตามอัธยาศัย
จริงๆ แล้วไม่อัธยาศัย คือ ไม่ได้ตามใจฉันว่าจะเรียนหรือไม่ อย่างไร แต่มันหมายถึงการเรียนรู้ที่มีรูปแบบหลากหลาย และไม่เป็นระบบ เป็นทางการอะไร แต่การเรียนรู้ทั้งหมดล้วนเป็นกระบวนการภายในตัวบุคคล การเรียนรู้จากการศึกษาในระบบก็ดี การศึกษานอกระบบก็ดี ผู้เรียนจะมีครูคอยกำกับคอยจัดให้เกิดการเรียนรู้ ซึ่งเหมาะกับเด็กหรือเยาวชนที่มีวุฒิภาวะระดับหนึ่ง ที่ยังรับผิดชอบตนเองไม่ได้มากนักหรือไม่ได้เลย จึงต้องมีครูคอยกำกับ แต่ถ้าเราพิจารณาดูผู้ใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่มีวุฒิภาวะ รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้ว่าตนจะต้องทำหรือไม่ทำอะไร เราจะเห็นได้ว่าผู้ใหญ่สามารถรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเองได้ ไม่ว่าใครก็ตาม จะอยู่ในเมืองหรือชนบท หรือยากดีมีจนอย่างไร ถ้ามีความตั้งใจที่จะเรียนรู้เขาก็จะเรียนรู้ได้ดี การมีคนรับผิดชอบการเรียนรู้ด้วยตนเองนั้นเป็นเรื่องสำคัญของการปฏิรูปการ เรียนรู้ เพราะเขาจะบอกได้ว่าการเรียนรู้ของเขามีความหมาย มีเหตุผล บอกได้ว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร เพราะเหตุผลใด และเขาจะใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้นั้นได้อย่างไร
โลกในยุคปัจจุบัน ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ความรู้เกิดขึ้นได้มากมาย และมิติของพื้นที่และเวลาไม่ใช่อุปสรรคของการเรียนรู้ แต่ด้วยเป็นความสามารถในการเรียนรู้ต่างหากที่กลายเป็นอุปสรรคของการเข้าถึง ความรู้ของบุคคล ปัจจุบันใครรู้ได้เร็วกว่า มากกว่า ก็ใช้ประโยชน์จากความรู้ได้ก่อน ฉะนั้น หากจะรอให้มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตร ปรับเปลี่ยนวิชาต่างๆ เพื่อจะสอนกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว อาจจะช้าไปหรือไม่ทันเวลา ดังนั้นสิ่งที่เราควรจะได้ทำก็คือ การสร้างเสริมความสามารถการเรียนรู้ของบุคคลให้เข้มแข็งขึ้น
มีนักการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนมาก ที่ให้ความสนใจกับการเรียนรู้ของบุคคล เรียกว่า Self-Directed-Learning ซึ่งมีผู้แปลว่า การเรียนรู้โดยการนำตนเอง จริงๆ ก็คือ ผู้เรียนจะต้องควบคุมตนเองให้เรียนรู้ได้ ไม่ว่าจะเรียนจากการศึกษาในรูปแบบใดๆ ผู้เรียนจึงต้องมีวินัย มีความรับผิดชอบต่อตนเองในการเรียนรู้ ถ้าการปฏิรูปการเรียนรู้ช่วยให้ผู้เรียนมีกลไกการเรียนรู้ด้วยตนเอง ก็จะทำให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความหมายมากขึ้น
คนที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง ควรจะมีคุณลักษณะที่สำคัญๆ คือ
1. ต้องยอมรับตนเอง หรือเคารพตนเอง รู้ว่าตนต้องการอะไร มีความสามารถอะไร อย่างไร คือ ต้องมีทัศนคติเชิงบวกต่อตนเอง แบบเธอเก่งฉันก็เก่ง ไม่ใช่เธอแย่ฉันเก่ง หรือเธอเก่งฉันแย่ โดยสรุปคือต้องมั่นใจในตนเองว่าสามารถเรียนรู้ได้
2. ต้องมีแผนการเรียนเฉพาะของตนเอง คือ มีเป้าหมาย มีวิธีการ มีลำดับขั้นตอนของการเรียนรู้ เรียกว่ามีแผนที่เดินทางของตนเอง
3. ต้องมีแรงจูงใจให้เรียนรู้ ไม่ใช่เรียนเพราะถูกบังคับหรือเรียนเพราะมีรางวัลล่อใจ เพราะจะทำให้ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
4. ต้องมีความพอใจใฝ่เรียนรู้ หรือกระหายใคร่เรียนรู้อยู่เสมอ ยิ่งเรียน ยิ่งสนุก และ
5. ต้องเป็นตัวของตัวเอง คือ กำหนดได้ว่าตนเองจะทำอะไร เพื่ออะไร มีมาตรฐานระดับใด ประเมินตนเองอยู่เสมอๆ ว่าเรียนรู้แล้วก้าวหน้าไปถึงไหน
การทำความเข้าใจเรื่องการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาตนเองของบุคคล เป็นเรื่องที่นักการศึกษาจะต้องให้ความสนใจ และพัฒนาให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ที่ผู้เรียนจะได้มีทักษะในการเรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญของการเรียนรู้และเป็นการปฏิรูปการศึกษาที่เห็น ความเปลี่ยนแปลงที่ตัวผู้เรียนโดยตรง
การเรียนรู้ตลอดชีวิตจะขับเคลื่อนไปได้ หัวใจสำคัญนั้นอยู่ที่ความสามารถในการเรียนรู้ของบุคคล และบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ซึ่งจะต้องส่งเสริมให้เกิดขึ้นพร้อมกันอย่างเป็นระบบ จึงจะเกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตสมตาม เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ที่มา : ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์